ใครกำลังลังเลไม่รู้ว่าควรเลือกบริษัทรับขายฝากที่ดินหรือขายขาดดี เพราะยังไม่เข้าใจความแตกต่างของ 2 ทางเลือกนี้อย่างแน่ชัด ไม่ต้องกังวลไปเดี๋ยวเราจะพาไปไขข้อข้องใจ พร้อมขั้นตอนการเตรียมตัว
รับขายฝากที่ดินต่างจากขายขาดยังไง
สำหรับความแตกต่างหลัก ๆ ของการรับขายฝากที่ดินกับขายขาดมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ข้อ ได้แก่
1. การจ่ายดอกเบี้ย
- กรณีขายฝาก จำเป็นต้องจ่ายดอกเบี้ย หากว่ากันตามกฎหมายจะต้องไม่เกิน 15% ต่อปีหรืออาจมากกว่ากรณีเลือกบริษัทขายฝากไม่ได้มาตรฐานหรือไม่มีความน่าเชื่อถือ
- กรณีขายขาด ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย เพราะถือได้ว่าเป็นการขายให้กับบริษัทหรือบุคคลนั้น ๆ ไปแล้ว
2. การไถ่ถอน
- กรณีขายฝาก สามารถไถ่ถอนได้เริ่มต้นตั้งแต่ 1 – 10 ปี โดยจะสามารถไถ่ถอนได้ในระยะเวลาเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับการทำข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
- กรณีขายขาด ไม่สามารถไถ่ถอนได้ โดยกรรมสิทธิ์จะตกเป็นของผู้ซื้อทันทีหลังจากจ่ายเงิน
3. สิทธิ์ในการใช้ประโยชน์ที่ดิน
- กรณีขายฝาก สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือสินทรัพย์นั้น ๆ ได้ตามข้อตกลงในสัญญาจนกว่าจะถึงเวลาการไถ่ถอน
- กรณีขายขาด ไม่สามารถใช้ประโยชน์ใด ๆ จากที่ดินหรือสินทรัพย์ได้ เนื่องจากที่ดินหรือสินทรัพย์ดังกล่าวถือเป็นทรัพย์สินของผู้ซื้อโดยสมบูรณ์แล้ว
เลือกแบบไหนดีกว่ากัน
หากไม่แน่ใจว่าควรเลือกรับขายฝากที่ดินหรือขายขาดดี ถึงจะตอบโจทย์ความต้องการมีแนวทางช่วยให้การตัดสินใจง่ายขึ้นเพิ่มเติม ดังนี้
- กรณียังต้องการมีสิทธิ์เป็นผู้ครอบครองสินทรัพย์หรือที่ดิน การเลือกขายฝากจะตอบโจทย์ความต้องการมากกว่า
- ต้องการเงินหมุนเวียนระยะสั้น ขายฝาก คือ ทางเลือกที่ดีกว่า
- ไม่ต้องการเสียดอกเบี้ย ไม่สนเรื่องกรรมสิทธิ์สินทรัพย์หรือที่ดิน ขายขาด คือ คำตอบที่ใช่
ต้องเตรียมอะไรบ้าง
กรณีต้องการใช้บริการบริษัทรับขายฝากที่ดิน สิ่งที่ต้องเตรียมหลัก ๆ ประกอบไปด้วย
- ค่าธรรมเนียม ได้แก่ ค่าอากรแสตมป์ 0.5% ค่าการจดทะเบียนหรือขายฝากที่ดิน ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัท รวมถึงค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% และอื่น ๆ
- เอกสาร ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง โฉนดที่ดินตัวจริง ทะเบียนบ้านตัวจริง ใบยินยอมของคู่สมรส (กรณีมีคู่สมรส) เอกสารอื่น ๆ เพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัท
และสุดท้ายอย่าลืมให้ความสำคัญกับการตรวจสอบรายละเอียดและข้อเสนอต่าง ๆ ของบริษัทรับขายฝากที่ดินให้ดีว่าให้วงเงินสูงสุดเท่าไหร่ ดอกเบี้ยมากน้อยแค่ไหน มีสถานที่ตั้งชัดเจนหรือไม่ มีการจดทะเบียนอย่างถูกกฎหมายหรือเปล่า รวมถึงตรวจสอบรายละเอียดในสัญญาอย่างรอบคอบว่ามีการระบุข้อมูลต่าง ๆ อย่างครบถ้วนด้วย จะได้มั่นใจว่าการดำเนินการต่าง ๆ จะเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด ไม่เสี่ยงต่อการโดนเอาเปรียบแบบไม่รู้ตัว